5 สัญญาณอันตรายไข้เลือดออกในเด็กที่ต้องระวัง
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกีผ่านการถูกยุงลายกัด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงชีวิตได้ ดังนั้น การสังเกตสัญญาณอันตรายของโรค และรีบพาบุตรหลานไปพบแพทย์ จึงเป็นเรื่องสำคัญ
สัญญาณอันตราย 5 ประการของไข้เลือดออกในเด็กที่ผู้ปกครองต้องระวังให้มาก มีดังนี้
- ไข้สูงลอย เด็กมีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส นานติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 วัน และไม่ตอบสนองต่อการให้ยาลดไข้พาราเซตามอล
- อาเจียนรุนแรง เด็กมีอาการอาเจียนบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอาเจียนแบบพุ่งพรวด หรืออาเจียนเป็นสีดำคล้ำ
- ปวดท้องรุนแรง เด็กปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงด้านขวา หรือมีอาการปวดท้องรุนแรงทั่วไป
- มีเลือดออกผิดปกติ เช่น พบจุดเลือดออกตามผิวหนัง มีเลือดกำเดาไหลออกจากจมูก หรืออาเจียนเป็นเลือด
- ซึม เพลีย หมดแรง เด็กดูอ่อนเพลีย ซึม ตอบสนองช้า หรือแสดงอาการช็อก ได้แก่ มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาและเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
เมื่อพบสัญญาณอันตรายดังกล่าว ผู้ปกครองควรปฏิบัติ ดังนี้
- พาเด็กไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงที
- สังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด และบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับอาการป่วย เช่น เวลาที่เริ่มป่วย, อุณหภูมิร่างกาย, อาการที่พบ ฯลฯ
- ให้เด็กดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- เช็ดตัวเพื่อลดไข้ แต่ไม่ควรให้ทานยาแอสไพรินเพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
สำหรับการป้องกันโรคไข้เลือดออก ควรปฏิบัติดังนี้
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายโดยรอบบริเวณที่พักอาศัย
- ทายากันยุงให้เด็กอย่างสม่ำเสมอ และสวมเสื้อผ้ามิดชิดเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกตามกำหนดหากมีบริการนี้ในพื้นที่
โดยสรุป โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่อันตราย แต่ก็สามารถป้องกันและรักษาได้หากผู้ปกครองมีความรู้ความเข้าใจ เฝ้าระวังสัญญาณอันตรายอย่างใกล้ชิด และรีบพาเด็กไปพบแพทย์เมื่อพบอาการน่ากังวล เพื่อให้บุตรหลานของเราปลอดภัยจากภัยร้ายนี้